ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ใจความว่า มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ข้าราชการตำรวจ พ้นจากตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือน สามัญ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2567 ประกาศ ณ วันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2567
ประวัติการศึกษา พล.ต.ท.ภาณุรัตน์-บิ๊กหลวง
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ อายุ 58 ปี (เกิดวันที่ 1 ก.ค. 2508) จบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนศรีสะเกษวิทยาลัย, โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 25, โรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 41, นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขานโยบายและการวางแผน สถาบันเกริก, รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
เส้นทางข้าราชการตำรวจ สู่เลขาฯ ป.ป.ส.
พล.ต.ท.ภานุรัตน์ หลักบุญ อยู่ในไลน์ว่าที่เลขาธิการ ป.ป.ส. มาตั้งแต่รัฐบาล พล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีรักษาการ โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย และทำหน้าที่รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ทำหนังสือด่วนที่สุดที่ ยธ.02002/1091 ลงวันที่ 11 สิงหาคม 2566 ถึงผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผบ.ตร. เพื่อขอโอนย้ายข้าราชการ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ ไปดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง กระทรวงยุติธรรม เนื่องจากเห็นว่าเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์
เส้นทางในวงราชการตำรวจ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เคยดำรงตำแหน่งตำรวจป่าไม้ ในเขตภาคเหนือ และรับผิดชอบงานกองปราบปราม ทางหลวง และ ผบก.สายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ขณะเดียวกันเคยปฏิบัติหน้าที่เป็นนายเวร ประจำ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ขณะดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ปัจจุบันเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ผลงาน พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ
ก่อนหน้านั้น พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ดูแลพื้นที่ 8 จังหวัดอีสานใต้ จังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ยโสธร และอำนาจเจริญ โดยนำนโยบายด้านเทคโนโลยีมาใช้ในพื้นที่ มีโครงการเด่นคือ 1 อำเภอ 1 เซฟตี้โซน รวมกว่า 250 อำเภอ มีหน้าที่สกัดกั้นยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดน และการเข้าจับกุมเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ ตลอดจนการจับกุมการลักลอบขนพืชไร่ เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ที่นำมาสวมสิทธิ รวมถึงการปราบปรามการโจรกรรมรถข้ามชายแดน
จากนั้นขยับขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ สร้างผลงานต่อเนื่องทั้งการกวาดล้างอาชญากรรมในช่วงการประชุมเอเปค โดยขณะนั้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติระดมกำลังกวาดล้างอาชญากรรมและยาเสพติด จับผู้ต้องหาได้กว่า 60,000 คน
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ได้รับมอบหมายจาก ผบ.ตร.นำกำลังตำรวจ บช.สอท., ภ.1, ภ.8 ขยายผลไปถึงผู้ซื้อและตัวแทนจำหน่าย 209 แห่งทั่วประเทศ จับกุมผู้ต้องหาเพิ่มอีก 54 คน ยึดของกลางอาวุธปืนเถื่อน กระสุน และวัตถุระเบิดได้อีกเป็นจำนวนมาก
ในช่วงมหกรรมการแข่งขันฟุตบอลโลก ครั้งที่ 22 World Cup 2022 (19 พ.ย.-18 ธ.ค. 2565) พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รับผิดชอบศูนย์ป้องกันและปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันทายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก จนจับกุมผู้ต้องหารวมทั้งสิ้น 12,245 คน ยึดทรัพย์สินมูลค่ารวม 1,700 ล้านบาท
ผ่านหลักสูตรอบรมสำคัญ ดังนี้
หลักสูตรป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 58 วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ
หลักสูตรบริหารงานตำรวจชั้นสูง รุ่นที่ 33 วิทยาลัยการตำรวจ
หลักสูตร Supervisory Criminal Investigative Course (SCIC) จาก International Law Enforcement Academy Bangkok
หลักสูตรผู้กำกับการ จากวิทยาลัยการตำรวจ
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ในตำแหน่งใหม่ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) จะเกษียณอายุราชการในปี 2568
*แหล่งข่าวประชาชาติธุรกิจ ออนไลน์
|